ด้วยความหลงไหลในตะเกียบเดี่ยว คิดเอาไว้ว่าวันนึงต้องมีให้ได้ และ โอกาศก็มาถึงครับ
วันนี้ขอรีวิวเรื่องราวความเป็นมาสั้นๆ ว่ารุ่นนี้มีดีเดลอย่างไรบ้าง ไปชมกันเลยครับ
ประวัติโดยย่อของแบรนด์ จาก
www.bmxmuseum.comWhen Linn sold redline, he still wanted to make bikes, so he started his own company.
Unique designs such as the uni blade fork.
......เมื่อ ลิน (ลิน คาสตัน) ขาย เรดไลน์ไปแล้ว เค้าก็ยังอยากผลิตจักรยานอยู่ เข้าเลยตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา
ซึ่งดีไซน์ของเค้านั้นไม่ซ้ำใคร เช่น ตะเกียบขาเดียว........
รวมๆด้านข้างครับ
สติกเกอร์บอกชื่อรุ่น บริเวณท่อหลักอาน
รัดอานเป็นรูปแบบรัดอานในตัวซึ่งบริเวณช่วงน็อตล็อคทำออกมาไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่
รวมๆแล้ว เทคโนโลยีเมื่อราวๆ 25 ปีก่อนผมรับได้ครับ
สะพานเบรคแบน
โฟกัสช่วงคอและตะเกียบหน้าที่ผมคิดว่าเป็นเอกลักษณ์ของแบรดน์นี้เลย
แผงคอด้านล่างทำมาคล้ายกับ เรดไลน์บ้างตัว มีปั้มชื่อยี่ห้อชัดเจนครับ
ใต้ท่อบนจะมีรูร้อยสายเบรคเพื่อให้สายสลิงด้านในเสียดสีกับปลอกสายเบรคน้อยที่สุด
ส่วนของกระโหลก
เป็นกระโลกเล็กครับ สบายผมเลยเอากระโหลกแบริ่ง 68 มาใส่ได้เลย
ดร็อปเอาท์หลัง
ด้านซ้ายนอกกับด้านขวานอกมียี่ห้อประทับชัดเจนครับ
ส่วนรูกลวงๆไม่รู้ออกแบบมาเพื่ออะไร แต่ผมเดาว่าเพื่อเป็นการปิดรูของท่อท้ายเฟรมครับ
มีขีดสำหรับตั้งโซ่ด้วยครับ
ด้านในขวา มีสัญชาติระบุชัดเจนว่าผลิตที่ไหน
ด้านในซ้ายมีซีเรียลกำกับอยู่ครับ
ส่วนของตะเกียบรวมๆครับ
ประกอบไปด้วย ตะเกียบเดี่ยว
ดุม และ น็อตล็อค
บริเวณซางมีปั้มสัญชาติแนวนอน ง่ายๆ
ด้านหนึ่งของตะเกียบมียี่ห้อประทับ
แกนของตะเกียบหน้าออกแบบมาได้แข็งแรงทีเดียวครับ
รอยเชื่อมบริเวณใต้ซาง
ส่วนสำคัญอีกส่วนนึงซึ่งถ้าไม่มีคงต้องผลิตขึ้นใหม่อย่างเดียวนั้นคือดุมหน้านั่นเองครับ
เมื่อตะเกียบออกแบบมาให้มีข้างเดียวแล้วดุมเลยจำเป็นต้องพิเศษตามไปด้วย
แน่นอนดุมก็มีปั้มยี่ห้อครับ
ดุมเป็นดุมแบริ่งในตัว ลูกปืนยังไม่สามารถแยกออกมาได้ในตอนนี้ครับ
ฝากันฝุ่นหน้าจะเป็นคาร์บอนไฟร์เบอร์
น็อตของดุมหน้านั้นก็ต้องพิเศษตามได้ด้วยครับ
มีกันคลายในตัวด้วย
ภาพรวมผมมองว่ารถคันนี้ด้วยความตั้งใจของลินน์ที่พยายามทำรถออกมาให้แปลกแหวกแนว ผมว่ายุคนั้นเค้าคงแหวกจริงๆครับ
ขอจบการริวิวเพียงเท่านี้ขอบคุณพี่ๆน้องๆทุกท่านที่ติดตามรับชมมาถึงตอนจบด้วยครับ
ขอบคุณครับ:)